RTX 6 ZIPCORE TOUR SATIN WEDGE

เวดจ์รุ่นใหม่ RTX6 ZipCore มีการสปินที่ยอดเยี่ยมในการเล่นลูกสั้นรอบกรีน เหมือนอย่างที่เวดจ์ทุกรุ่นทำ แต่สิ่งที่ทำให้เวดจ์รุ่นนี้แตกต่างออกไปก็คือความแม่นยำในการเล่นช็อตสปินสูงๆ ไม่ว่าไลน์นั้นจะเป็นอย่างไร ด้วยการออกแบบร่องหน้าเหล็กรูปทรงเรขาคณิต UltiZip ที่พัฒนามาจากเทคโนโลยี ZipCore รวมทั้งหน้าไม้แบบ HydraZip ที่นักกอล์ฟสามารถสนุกไปกับการสร้างสปินข้างๆ กรีนได้จากทั้งแฟร์เวย์, รัฟ ,ทราย หรือในสภาพพื้นที่เปียกชื้น และนั่นคือวิธีการทั้งหมดที่จะช่วยให้การสร้างสปินเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

SHAFT : DYNAMIC GOLD S200 / N.S.PRO MODUS 120 / N.S.PRO 950 GH NEO

ราคา 6,200 บาท

RTX6 ZipCore ช่วยเพิ่มสปิน ได้อย่างไร?

HydraZip

เทคโนโลยี HydraZip มีการออกแบบหน้าไม้ใหม่ทั้งหมด เพื่อช่วยสร้างอัตราสปินได้สูงสุดแม้ในสภาพสนามที่เปียกชื้น โดยการใช้เลเซอร์ในการเซาะร่องหน้าไม้แบบใหม่ ให้มีลายเส้นในแนวขวางและทำมุมไปตามร่องหน้าไม้ เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานให้มากขึ้นในขณะที่อิมแพค และด้วยการใช้เลเซอร์ในการเซาะร่องแบบใหม่ ทำให้มีการแบ่งรูปแบบร่องหน้าไม้ออกเป็นกลุ่มๆ ตามแต่ละองศา ดังนี้ 46 – 48, 50 – 52 และ 54-60 ซึ่งในลอฟท์องศาต่ำ จะไม่ต้องการผิวที่มีแรงเสียดทานสูง เพื่อให้การสปินทั้งในที่แห้งและเปียกชื้นมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ลอฟท์องศาสูงต้องการผิวที่มีแรงเสียดทานสูงกว่า รวมทั้งการมีแนวเส้นที่ใช้เลเซอร์ยิงที่มากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มการเสียดทานและยังให้ความแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของรูปลัษณ์ หน้าเวดจ์ RTX6 ZipCore จะมีสีที่ดูด้านกว่ารุ่นเดิม เพื่อลดแสงสะท้อนเวลายืนจรดลูกและดูสวยงามมากขึ้นตั้งแต่คอไม้ไปจนถึงปลายไม้

 

ZIPCORE

หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ที่ช่วยให้การเข้าบอลได้อย่างแม่นยำ มาพร้อมกับการออกแบบค่า MOI ที่สูงทั่วทั้งหน้าไม้ ด้วยเทคโนโลยี ZipCore เทคโนโลยีที่ออกแบบแกนกลางให้มีความหนาแน่นต่ำ ในเวดจ์ RTX6 ZipCore ช่วยให้นักกอล์ฟตีได้แม่นยำและให้ประสิทธิภาพเรื่องการชดเชยความผิดพลาดในการเล่นลูกสั้นได้มากขึ้น

ด้วยเทคโนโลยี ZipCore ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ทำให้เราสามารถวางตำแหน่ง CG ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องในจุดที่หน้าไม้ปะทะลูก ซึ่งจะช่วยทำให้คุณตีได้แน่นอนขึ้นและเพิ่มการชดเชยความผิดพลาดได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการทำให้ค่า MOI สูงขึ้นทั้งตำแหน่งสูงต่ำและจากโคนถึงปลายไม้ในเวดจ์ทุกองศา คุณสามารถสนุกไปกับการสร้างสปิน ระยะทาง ความรู้สึกและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมได้

 

แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร? ด้วยเทคโนโลยี ZipCore เราได้มีการออกแบบใบเหล็กด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังแข็งแรงและรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี แกนกลางที่มีความหนาแน่นต่ำช่วยทำให้สามารถวางตำแหน่ง CG ที่เหมาะสมอย่างที่ต้องการ เรามีการปรับรูปทรงและน้ำหนักเพื่อปรับปรุง CG, MOI และสร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สม่ำเสมอมากขึ้น

เวดจ์ RTX6 ZipCore รุ่นใหม่ มีการเพิ่มเทคโนโลยี ZipCore มากกว่าเดิมถึง 95% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา ซึ่งนั่นทำให้เวดจ์ทุกองศาจะช่วยการชดเชยที่ดีขึ้น และวิถีลูกที่สม่ำเสมอ ทำให้ค่า MOI สูงขึ้นถึง 20%

 

ULTIZIP

ด้วยการวิเคราะห์มากกว่า 1,000 ครั้งเพื่อค้นหาการออกแบบร่องหน้าไม้ให้เหมาะสมที่สุดในการเล่นลูกสั้นที่จะช่วยการสร้างสปิน การควบคุมและการตีที่สม่ำเสมอขึ้น ผลลัพธ์ก็คือแนวร่องที่คมและลึกเรียงกันแบบพิเศษลงตัวกับพื้นที่หน้าเวดจ์ นั่นคือ UltiZip ที่ร่องหน้าเวจด์จะคมชัดขึ้น ลึกขึ้น และอัดแน่นขึ้นกว่าเดิม

  • ร่องหน้าเวดจ์ที่คมชัด จะช่วยให้คุณตีผ่านหญ้าและเศษดินต่างๆ ได้ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยี UltiZip ในเวดจ์ RTX6 ZipCore ทำให้ได้ร่องหน้าเวดจ์ที่คมชัดที่สุด ซึ่งสามารถสร้างสปินและการควบคุมที่ดีขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ตี
  • ร่องหน้าเวดจ์ที่ลึกกว่าจะเพิ่มช่องว่างเพื่อทำให้หญ้า ทราย เศษดินหรือน้ำ ไม่ติดอยู่บริเวณที่หน้าเวดจ์ขณะที่เข้าปะทะลูก ดังนั้นด้วยเทคโนโลยี UltiZip ทำให้ทุกๆ ไลน์เป็นไลน์ที่ดี และทำให้ช็อตรอบๆ กรีนทั้งจากแฟร์เวย์,รัฟ หรือบังเกอร์ มีความสม่ำเสมอมากขึ้น
  • ร่องหน้าเวดจ์ที่อัดแน่นขึ้น จะมีส่วนช่วยในการสร้างอัตราสปินที่ดีขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยี UltiZip จึงเพิ่มแนวร่องพิเศษอีก 2 ร่อง เพื่อทำให้การปะทะลูกดีกว่าเดิม และสามารถสร้างสปินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

SOLE GRINDS

RTX6 ZipCore มีการออกแบบท้องไม้ถึง 4 รูปแบบ ด้วยความร่วมมือจากผู้เล่นในทัวร์ เพื่อการเล่นที่หลากหลาย ดังนั้นคุณสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับการเล่นรอบกรีนของคุณได้ตามต้องการ

สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ก็คือ ท้องไม้แบบ LOW+ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับแซนด์ เวดจ์ และมีการเพิ่มเบาวซ์อีก 2 องศาในเวดจ์รูปทรงท้องใบแบบตัว C ซึ่งคุณสมบัติอาจจะใกล้เคียงกับแบบ LOW แต่ด้วยเบาวซ์พิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโปรในทัวร์ที่ต้องการเบาวซ์เพิ่มขึ้นในแซนด์ เวดจ์ ทำให้ได้เวดจ์ที่ผสมผสานระหว่างความอเนกประสงค์และแซนด์ เวดจ์เข้าไว้ด้วยกัน

GRINDS SPECIFIC LEADING EDGES

การออกแบบ Leading Edge แบบพิเศษ เพื่อการใช้งานร่วมกับท้องไม้ที่หลากหลาย ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ขณะหน้าไม้เข้าปะทะลูก โดยแนวขอบล่างด้านหน้าจะมีลักษณะมนกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย ในแบบ LOW และ LOW+ จะมีความแหลมมากที่สุด เพื่อทำให้การเข้าบอลดีที่สุด MID จะมีขนาดกลางๆ เพื่อรองรับการเล่นที่หลากหลาย ส่วนในแบบ FULL- จะมีลักษณะมนที่สุด เพื่อป้องกันการตีขุดและช่วยนักกอล์ฟที่มีวงสวิงชัน